ในการเลือกซื้อ คอนโดติดรถไฟฟ้า นั้น ปกติจะต้องทราบทิศทางที่แน่นอน รวมถึงองศาของทิศทางของอาคารที่จะสร้างขึ้น ซึ่งคงไม่ใช่ง่ายนัก และในทางปฏิบัติในคอนโดบางแห่งเวลาที่เรานำเข็มทิศไปวัดโดยเฉพาะผู้ที่เป็นซินแสเองก็จะต้องระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะอิทธิพลของกระแสแม่เหล็กที่เกิดจากคอนกรีตเสริมเหล็กในอาคารที่มีอยู่มากในแทบทุกด้านของผนัง จะไปเปลี่ยนหรือเบนทิศทางในเข็มทิศให้เบนไปจากที่เป็นจริง ผลของการวัดองศาบางครั้งเมื่อยืนวัดที่ประตูใหญ่ซึ่งเป็นประตูหลักของอาคาร วัดที่หน้าห้อง และในห้อง ทิศทางที่ได้จะแตกต่างกันออกไปจนทำให้เกิดความสับสนในทิศทางที่ควรจะเป็น และหากห้องที่ผู้ซื้อได้มัดจำจองห้องไว้ต่อมากลายเป็นทิศทางที่มีฮวงจุ้ยไม่ดีหรือไม่สัมพันธ์กัน ก็คงแก้ไขในเรื่องของทิศทางไม่ได้แล้ว สำหรับผู้เขียนเองจะควรคำนวณทิศทางตั้งแต่แรกไว้อย่างละเอียดจากผังห้องที่ให้มาเพื่อจะได้ไม่พลาดในเวลาเลือกทิศให้ลูกค้า
คงต้องยอมรับว่าการในให้คำปรึกษานั้น เราคงไม่สามารถเลือกห้องที่ดีทั้ง 4 ทิศให้ลูกค้าได้อยู่ที่การวางองศาของตัวอาคารตั้งแต่แรก ในโครงการที่ผู้เขียนเคยไปนั่งให้คำปรึกษาอยู่นั้น ทิศทางทั้งสองโครงการจะเป็นห้องที่ตั้งหันหน้าออกสู่ทิศทางที่เฉียงทั้ง 4 ด้าน คือไม่ได้หันหน้าสู่เหนือ ใต้ ออก ตก ที่เรียกว่าจตุรทิศ ดังนั้นสำหรับยุค 20 ปีนี้ จะมีทิศทางของห้องพักที่ดีและโดดเด่นอยู่ 2 ทิศทางด้วยกัน บางทิศทางดีถึง 40 ปี บางทิศทางดีเพียง 20 ปี ลูกค้าบางท่านเลือกที่เอามุมที่ทิวทัศน์ดีแม้จะดีเพียง 20 ปี บางท่านบอกว่าขอห้องที่ดีถึง 40 ปีดีกว่าส่วนทัศนียภาพจะเป็นรองก็ไม่เป็นไร เพราะเราคงให้เวลาตรงนั้นไม่มากเท่าไหร่ ยังไงก็ขอให้ทุกอย่างเฮงไว้ก่อน ระยะเวลา 20 ปีก็ถือว่าว่านานมาก บางทีผู้อยู่อาจจะเปลี่ยนที่อยู่ไปก่อนครบกำหนดเวลาก็ยังไม่แน่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องของระยะเวลา
ด้านพนักงานขายของบริษัทที่ทำหน้าขายห้องชุด เท่าที่มีโอกาสพูดคุยส่วนใหญ่จะได้รับการอบรมศาสตร์ฮวงจุ้ยมาอยู่บ้างเหมือนกัน ทั้งในเรื่องของหมายเลข จำนวนชั้น ตามธาตุปีเกิดของลูกค้า เช่น คนเกิดปีชวดถือว่าธาตุน้ำ เลขประจำธาตุคือ หมายเลข 1 หรือ 6 จึงต้องเลือกชั้นที่ 1 หรือ 6 เป็นต้น ผู้เขียนเองเห็นว่าการนำทฤษฎีของหลอซูซึ่งเป็นเรื่องของหมายเลขประจำทิศ เรื่องตำแหน่งของดวงดาวที่จะเปลี่ยนที่ไปในทุก 20 ปี มาประยุกต์ใช้ในการเลือกชั้นให้แก่ลูกค้าผู้ซื้อ หรือ การเลือกเอาตำแหน่งห้องตรงกลางชั้น ตามหลักเสือขาวมังกรเขียว ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถใช้ได้เพราะ
1 . ตัวเลขทั้งหมดในตารางเหอะกู เป็นตัวเลขประจำทิศที่จะปรับเปลี่ยนไปตามยุคของฮวงจุ้ย และหากจะยึดเอาตัวเลขประจำทิศ เป็นเลขประจำธาตุ ( 1-9 ) เลขแต่ละตัวแทนธาตุแต่ละอย่าง เช่น เลข 1 แทนธาตุน้ำ เลข 2 แทนธาตุไฟ เลข 3 แทนธาตุไม้ เลข 4 แทนธาตุทอง เลข 5 แทนธาตุดิน การเลือกชั้นที่ 1 -10 อาจไม่มีปัญหา แต่ในชั้นที่เลยจากชั้นที่ 10 ขึ้นไป เช่น ชั้นที่ 12 ชั้นที่ 34 ปัญหาของธาตุที่นำตัวเลข 2 ตัวมารวมกันเป็นชั้นที่ การปะทะกันตัวเลขก็ต้องเกิดขึ้น ก่อให้เกิดความอัปมงคล หากจะยึดธาตุของคนใดคนหนึ่งเป็นหลักเพื่อเลือกชั้น ก็อาจไปปะทะกับธาตุของคู่ครองหรือผู้ที่อาศัยอยู่ด้วย ในที่สุดอาจจะหาชั้นที่สมพงศ์กับดวงชะตาไม่ได้ สมมติว่าหมายเลขชั้นลงตัว แต่ทิศทางไม่มีโชค ปัญหาก็ยังต้องมีอยู่อีก
2 . การเลือกตำแหน่งห้องตรงกลาง ยึดตามหลักเสือขาว-มังกรเขียว ก็ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ถูกต้องทั้งในเรื่องของทิศทาง และเหตุผลบนตามความเป็นจริง เช่น จำนวนห้องกลางที่มีจำนวนเพียงไม่กี่ยูนิต หรือมีพอแต่มุมการมองเห็นวิวไม่ดี หรือมีห้องตำแหน่งตรงกลางชั้นแต่อยู่ตรงหน้าหรือใกล้กับลิฟท์ ก็อาจส่งเสียงรำคาญให้กับผู้อยู่ได้ เป็นต้น
ดังนั้นหากสามารถหลุดจากปัญหาทั้งหมดไม่ว่าข้อ 1 และ 2 ได้ ปัญหาต่อไปคือ ตำแหน่งของประตูเข้าห้อง ปัญหาของผังการจัดวางภายในที่ถูกต้องหรือไม่ แบบสมบูรณ์ที่สุด หรือมีจุดเสียน้อยที่สุดมีอยู่ในแบบไหน ชั้นไหน งบประมาณค่าห้องต่อตารางเมตร ล้วนแล้วแต่เป็นตัวแปรที่สำคัญของการเลือกซื้อห้องชุดในอาคารคอนโดมิเนียมที่อยู่ในขอบเขตของฮวงจุ้ยจะต้องนำมาพิจารณาด้วย
วันที่: Thu May 29 06:18:51 ICT 2025
|
|
|