จำนวนครั้งที่เปิดดูสินค้า
: 5124 | ความคิดเห็น:
0
Happie Zkin Plast Collagen 30 cap/bottle
576.00 บาท
Happie Zkin Plast Collagen 30 ...
คอลลาเจนสูตรเข้มข้น
Happie Zkin Plast
ผิวใสเด้ง อมชมพู
หยุดเวลาให้ผิวสวย กระชับ เรียบตึง เหมือนเด็ก
ผิวใสเด้ง ดูชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน
หยุดเวลาผิวให้เรียบตึง
กระชับไร้รอยเหี่ยวย่น อ่อนเยาว์อยู่เสมอ
ผิวขาวอมชมพู
ป้องกันฝ้า กระ และริ้วรอย
Hydrolyzed Collagen :
ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้ดูเรียบเนียน สร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดริ้วรอย
Shark Cartilage :
บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนังและข้อต่อต่างๆ ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอช่วยลดการเกิดฝ้า กระ และริ้วรอย ช่วยซ่อมแซมเซลล์ และช่วยสร้าง เซลล์ผิวใหม่
Coenzyme Q10 :
ช่วยลดริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ และ ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์
Tomato Extract :
ช่วยให้ผิวกระจ่างใส อมชมพู มีเลือดฝาด และลดปัญหาการ อุดตันของเส้นเลือดแดง
Soy Protein :
ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว เพิ่มความชุ่มชื้นแก่โครงสร้างผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวแตกแห้งกร้าน
ชื่อผลิตภัณฑ์ Zkin Plast (คอลลาเจน สูตรเข้มข้น)
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ประกอบด้วย คอลลาเจน และกระดูกอ่อนปลาฉลาม สารสารสกัดจากธรรมชาติ
ไม่เจือสีสังเคราะห์ ไม่ใช้วัตถุแต่งกลิ่นรส และวัตถุกันเสีย
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล ก่อนนอน วันละ 1 ครั้ง
ส่วนประกอบ
• Hydrolyzed Collagen 300 mg.
• Soy Protein 200 mg.
• Shark Cartilage 150 mg.
• Coenzyme Q10 29 mg.
• Tomato Extract 20 mg.
เลขที่ อย. 13-1-05652-1-0023
คำเตือน: อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค
ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
บรรจุขวดละ 30 แคปซูล
บทความน่ารู้
กระดูกอ่อนปลาฉลาม คือ อะไร
หูฉลามจัดเป็นอาหารชั้นเลิศของชาวจีนมาแต่โบราณกาล ซึ่งเราจะเห็นตามงานเลี้ยงสำคัญ เช่น งานฉลองมงคลสมรส ซุปหูฉลามมักถูกจัดให้เป็นหนึ่งในเมนูอาหารในงานเลี้ยงแบบโต๊ะจีนเสมอๆ ซึ่งแท้จริงแล้วหูฉลามที่เราทานกันก็คือ ส่วนที่ได้จากครีบของฉลามนั่นเอง ซึ่งต้องผ่านกรรมวิธีต่างๆ ยุ่งยากพอสมควร โดยเอาส่วนครีบของฉลามมาตากแดดจนแห้ง จากนั้นแช่น้ำแล้วต้มให้เปื่อย แล้วขูดลอกหนังทิ้งไปจนเหลือแต่กระดูกอ่อนๆ โดยมีความเชื่อว่าการรับประทานหูฉลามจะช่วยบำรุงสุขภาพ ร่างกายแลดูเยาว์วัยขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคได้อีกด้วย
นอกจากซุปหูฉลามที่มีความเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ปัจจุบันกระดูกอ่อนของฉลามหรือที่เราอาจจะคุ้นเคยในชื่อภาษา อังกฤษที่ว่า
Shark cartilage ยังถูกนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งสกัดมาจากส่วนหัวและครีบของฉลาม ว่ากันว่าส่วนที่เป็นโครงร่างกระดูก ทั้งหมดของฉลามนั้นเป็นกระดูกอ่อน
จุดเริ่มต้นของการนำกระดูกอ่อนปลาฉลามมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เริ่มจากนายแพทย์ที่นิวยอร์คชื่อ John Prudden สนใจศึกษากระดูกอ่อนของสัตว์ ( Animal cartilage) สำหรับใช้ในการรักษาโรคในช่วงต้นยุค ค.ศ. 1950 ซึ่งช่วงแรกได้ใช้กระดูกอ่อนจากวัว พบว่าสามารถช่วยสมานแผลในคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัด ต่อมาเขาได้ใช้กระดูกอ่อนจากวัวในการรักษามะเร็ง ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งกว่าครึ่งมีก้อนมะเร็งขนาดเล็กลง หลังจากนั้นกระดูกอ่อนของสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หมู แกะ ไก่ วัว และฉลามได้ถูกนำมาศึกษาเพิ่มเติม
ในปี ค.ศ. 1992 มีการตีพิมพ์หนังสือที่เขียนโดย I. William Lane
ในหัวเรื่อง Sharks Don’t Get Cancer ทำให้กระดูกอ่อนปลาฉลามได้รับความนิยมในการเป็นทางเลือกของการรักษาโรคมะเร็ง โดยมีความเชื่อว่าฉลามเป็นสัตว์ที่ไม่ค่อยพบรายงานว่าเป็นมะเร็งเหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่าฉลามมีระบบภูมิต้านทาน พิเศษที่สามารถปกป้องตัวเองจากโรคร้ายนี้ เนื่องจากมันมีกระดูกอ่อนในปริมาณสูง
นอกจากนี้การที่ไม่พบหลอดเลือดในกระดูกอ่อน นำไปสู่สมมติฐานที่ว่าเซลล์กระดูกอ่อนสามารถผลิตสารที่สามารถยับยั้งการสร้างหลอดเลือด ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ว่า กระบวนการสร้างหลอดเลือดใหม่หรือที่เรียกว่า Angiogenesis เป็นกลไกสำคัญของเซลล์มะเร็งในการทำให้ตัวมันได้รับสารอาหารและออกซิเจนจากเลือดเพื่อให้มันเจริญเติบโตเพิ่มขึ้น
และแพร่ลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ฉะนั้นการที่ค้นพบสารที่ยับยั้งกระบวนการนี้ได้ก็เป็นยุทธวิธีหนึ่งในการต่อสู้กับมะเร็ง ซึ่งการศึกษาพบว่ากระดูกอ่อนปลาฉลามมีสารที่มีคุณสมบัติยับยั้งกระบวนการนี้ด้วย ซึ่งเท่ากับว่าช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งนั่นเอง
นอกจากนี้ยังพบแร่ธาตุแคลเซียม ( Calcium) และฟอสฟอรัส ( Phosphorus)ทำให้ปัจจุบันมีประยุกต์ใช้กระดูกอ่อนปลาฉลามทางด้านสุขภาพที่หลากหลาย เช่น ช่วยบรรเทาอาการจากโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบ บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง เช่น โรคเรื้อนกวาง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังพบว่า กระดูกอ่อนปลาฉลามประกอบไปด้วย โปรตีน คอลลาเจน ( Collagen) และสารในกลุ่มไกลโคสะมิโนไกลแคน ( Glycosaminoglycans) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารคอนดรอยติน ( Chondroitin) ซึ่งมีผลในการบรรเทาหรือรักษาโรคข้อเสื่อม และสารในกลุ่มนี้บางชนิดยังมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบและกระตุ้นภูมิคุ้มกันอีกด้วย รวมไปถึงการเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของโปรตีนคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้ จึงมีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวของคนเรานุ่มชุ่มชื้น
มีความยืดหยุ่น ผิวเต่งตึงกระชับ ซึ่งเป็นคุณลักษณะของผิว
เมื่อยังเยาว์วัยที่เราปรารถนาเป็นเจ้าของ
ขอบคุณข้อมูลสุขภาพจาก sanook.com