Support
amostbuy
081-750-8858
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

10 เทคนิคการใช้iPhone ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

วันที่: 2013-08-20 16:00:25.0

 10 เทคนิคการใช้iPhone ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

 
iPhone ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่คนรัก Apple แทบจะทุกคนต้องมีใช้ แต่ทว่าจะมีสักกี่คนกันที่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและถูกต้องตามอย่างที่มันควรจะเป็น วันนี้เรามีเทคนิคที่น่าสนใจ 10 ประการสำหรับการใช้งาน iPhone ให้เกิดประโยชน์สูงสุดรวมไปถึงวิธีการดูแลให้ iPhone ของคุณอยู่กับคุณไปได้นานเท่านานมาฝากกัน
 
  1. ลงทุนกับฟิล์มกันรอยชั้นดี เชื่อหรือไม่ว่าฟิล์มกันรอยสามารถช่วยชีวิต iPhone ขงคุณได้มากกว่าที่คิด? เมื่อก่อนเราอาจจะคุ้นเคยกับการซื้อฟิล์มกันรอยตามตู้กระจกในห้าง ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นฟิล์มที่คุณภาพไม่ได้ดีนักในราคาไม่กี่สิบบาทหรือหลักร้อยต้นๆ ฟิล์มคุณภาพระดับนี้โดยส่วนใหญ่จะใช้วัสดุที่ไม่ได้ดีอะไรมาก และไม่ได้มีเทคโนโลยีปกป้องชั้นสูงเข้ามาเป็นโครงสร้างของเนื้อฟิล์ม ฟิล์มกันรอยระดับสูงแผ่นละหลายร้อยบาทนั้นส่วนมากจะมีเทคโนโลยีการเรียงชั้นของเนื้อฟิล์มหลากหลายชั้น ทำให้มีความสามารถในการรับแรงดึง แรงกด และแรงกระแทกมากกว่าฟิล์มทั่วๆ ไปหลายเท่า ซึ่งจะส่งผลแบบเห็นได้ชัดในยามที่เราเผลอทำเครื่องหล่น หรือเผลอมีอะไรมากระแทกเข้าไปที่ตัวฟิล์ม ร่องรอยบนฟิล์มจะน้อยกว่าและปลอดภัยต่อกระจกหน้าจอของ iPhone กว่าด้วย ดังนั้นการลงทุนไม่กี่ร้อยแลกกับการป้องกันหระจกหน้าจอ iPhone แสนแพงของคุณถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากๆ
  2. ไม่ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเครื่องดับ ปัญหาที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเกิดขึ้นได้ก็คือแบตเตอรี่ของ iPhone นั้นมักจะหมดเร็วเกินไป ซึ่งบ่อยครั้งที่หลายๆ คนมักจะปล่อยให้แบตเตอรี่ในเครื่องหมดเกลี้ยงจนเครื่องดับสนิทเปิดไม่ได้ชั่วคราว ซึ่งหารู้ไม่ว่านั่นคือการทำร้ายแบตเตอรี่ที่ส่งผลกระทบค่อนข้างรุณแรงกว่าที่เราคิด พื้นฐานของแบตเตอรี่แบบลิเธียมที่ใช้ในไอโฟน นั้นเป็นแบบตเตอรี่ที่มีอัตราการเสื่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง และหนึ่งในปัจจัยที่มักจะทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมเสื่อมเร็วที่สุดก็คือการใช้งานจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือประจุอยู่เลย ซึ่งจะทำให้ตัวแบตเตอรี่เกิดความเครียดและสุดท้ายก็เสื่อมสภาพไปเรื่อยๆ หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าวบ่อยครั้งขึ้น ทางที่ดีเราควรจะชาร์จไฟเข้าไปในเครื่องเป็นประจำ หากคิดว่าจะต้องใช้งานหนักก็ให้เตรียมอุปกรณ์สำรองไฟพวกPower Bank ติดไปด้วยจะปลอดภัยกับตัวแบตเตอรี่กว่ามากๆ
  3. มองหาแบตเตอรี่เสริมคุณภาพดี ทุกวันนี้อุปกรณ์เสริมพวก Power Bank หรือแบตเตอรี่เสริมนั้นเป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนที่ใช้สมร์ทโฟน แต่ท่วาบางรุ่นที่มีชื่อเสียงก็จะมีราคาที่สูงมากจนเราต้องหันไปใช้แบตเตอรี่เสริมจากประเทศจีนหรือที่มันมีราคาถูกกว่ามาใช้งานแทน ซึ่งบางยี่ห้อนั้นก็มีการโฆษณาว่ามีความจุสูงถึง 15,000 mAh ซึง่ถ้าเทียบกับ iPhone5 ที่มีความจุ แบตเตอรี่อยู่ที่ 1,440 mAh แล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการซื้อที่คุ้มค่ามากๆ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มมีการออกมาแฉว่าอันที่จริงแล้ว แบตเตอรี่เสริมราคาถูกนั้นมักจะมีการลงประกาศรายละเอียดเรื่องความจุของแบตเตอรี่เกินความจริงไปหน่อย ซึ่งสามารถชาร์ตไอโฟนได้แค่ไม่กี่ครั้ง หรืออาจอาจจะพังไได้ง่ายดังนั้นแทนที่จะเป็นการประหยัดเงินกับเป็นการต้แงเสียเงินซื้อให้อีกทั้งยังทำให้เสียความรู้สึกอีกด้วย คำแนะนำก็คือ ให้ลองมองหาแบตเตอรี่เสริม หรือ Power Bank ที่มีชื่อเสียงใรตลาด หรือวางขายตามราคาชั้นในตามห้าง ซึ่งมันอาจจะมีราคาที่สูงกว่าปกตินิดหน่อย และมีความจุตั้งแต่ 3,000 mAh ขึ้นไป ก็จะมีประโยชน์การใช้งานจริงได้มากกว่า
  4. ไฟล์ วีดีโอ ไม่เกิน 720p ผู้ที่ชื่นชอบการชมวีดีโอบน iPhone อาจจะเคยชินกับการแปลงไฟล์วีดีโอสุดหวงของตัวเองให้อยู่ในรูปแบบที่เปิดบน iPhone ได้โดยตั้งค่าความละเอียดไว้ีท่ 1080p ซึ่งเป็นค่าที่สูงที่สุดที่ iPhone รุ่นหลังๆ จะเล่นได้ แต่ก็ลืมนึกไปว่านั้นเป็นการตั้งค่าความละเอียดที่เกินความจำเป็นปหน่อย  หน้าจอของ iPhone 5 นั้นมีความละเอียด 1136 x 640 พิกเซล ส่วนหน้าจอของ iPhone 4S นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 960 x 640 พิกเซล ซึ่งทั้งสองความละเอียดนั้นน้อยกว่าวิดีโอความละเอียด 720p ทั้งสิ้น (วิดีโอ 720p มีความละเอียดอยู่ที่ 1280 x 720 พิกเซล) ดังนั้นการนำเอาวิดีโอความละเอียดสูงมากๆ ระดับ 1080p มาใส่เพื่อดูใน iPhone ดูจะเป็นการทำอะไรที่เกินตัวไปหน่อย นอกเสียจากว่าคุณตั้งใจจะต่อไฟล์วิดีโอออกจอทีวีขนาดใหญ่ ซึ่งเราแนะนำว่าหากคุณไม่ได้ใช้งานในลักษณะดังกล่าว ก็ใช้วิดีโอเพียงแค่ความละเอียด 720p ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งจะทำให้คุณนำพื้นที่ส่วนต่างของขนาดไฟล์ไปเก็บรูปภาพหรืออะไรได้อีกเยอะแยะเลย
  5. บริหารปุ่ม Home บ้าง ความเชื่ออีกอย่างหนึ่งของคนที่ใช้ iPhone มาตั้งแต่ยุคแรกๆ ก็คือปัญหาของปุ่ม Home ที่เวลากดใช้งานบ่อยๆ จะเสื่อมและสุดท้ายก็จะเสียไป แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนเล็กๆ นั้นได้พัฒนาขึ้นมาก และปัญหาปุ่ม Home เสียก็ดูเหมือนจะหมดไปนับตั้งแต่ iPhone 4S เป็นต้นมา ทุกวันนี้หลายๆ คนเลือกที่จะใช้ AssistiveTouch ที่เป็นไอคอนลอยขึ้นมาบนหน้าจอเพื่อช่วยกดปุ่ม Home ผ่าน Touch Screen โดยไม่ต้องกดที่ปุ่ม Home จริงๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะถนอมปุ่ม Home ไม่ให้พังเร็วเกินไป หรือหวังผลในด้านการขายต่อ แต่หลายๆ คนอาจจะลืมคิดไปว่าหากเราไม่ใช้ปุ่ม Home บ้างเลย แล้วปุ่ม Home เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ หลังจากขายต่อไปแล้ว ก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาด้วย ดังนั้นเราควรจะใช้งานปุ่ม Home บ้าง หรือจะใช้งานตามปรกติเลยก็ได้ เพราะปุ่ม Home ของเราไม่ได้พังง่ายอีกต่อไป
  6. ลบแอพพลิเคชั่นบางตัวทิ้งแล้วดาวน์โหลดใหม่ หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ซื้อ iPhone ความจุ 16GB มาใช้งาน นานๆครั้งคุณอาจจะเกิดปัญหาพื้นที่การเก็บไฟล์ไม่เพียงพอ เพราะความจุน้อยเกินไป วิธีแก้ไขโดยส่วนใหญ่ก็คือการลบไฟล์หรือแอพพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ซึ่งก็พอจะช่วยได้พอสมควร แต่หากว่าทำทุกอย่างแล้วที่ว่ามาหมดแล้ว ก็ยังได้พื้อนที่กลับมาไม่เพียงพออีก เรามีวิธีที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่อีกนิดหน่อยมาฝาก วิธีการก็คือการลบแอพพลิเคชั่นบางตัวทิ้งไปแล้วทำการดาวน์โหลดใหม่ โดยแอพพลิเคชั่นบางตัวที่ว่าต้องเป็นแอพพลิเคชั่นที่คอยดาวน์โหลดเนื้อหาใหม่ๆ มาเก็บใว้ในตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น Facebook ที่เวลาใช้งานในแต่ละวันจะทำการดาวน์โหลดภาพมาเก็บใว้ในตัวแอพพลิเคชั่น และเวลาใช้ไปนานๆ ขนาดไฟล์ของแอพพลิเคชั่นก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากเราทำการลบทิ้งแล้วดาวน์โหลดใหม่ ก็จะเป็นการเคลียไฟล์ชั่วคราวที่เคยอยู่ในแอพพลิเคชั่นให้หมดไป และได้พื้นที่คืนมาหลายร้อย MB เลยทีเดียว
  7.  ปิด Cellular Data ในยามแบตเตอรี่ใกล้จะหมด iPhone ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งานได้อย่างสนุก ซึ่งเวลาใช้งานไปเรื่อยๆ เราอาจจะพบว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากคุณมีธุระสำคัญเช่นกำลังรอคอยโทรศัพท์จากใครอยู่ แต่เหลือแบตเตอรี่เพียง 3% เท่านั้น และไม่ได้มีอุปกรณ์พวก Power Bank ติดตัวมาด้วย เรามีเทคนิคง่ายๆ ที่จะต่ออายุการใช้งาน iPhone ออกไปได้อีกเป็นชั่วโมงมาฝาก วิธีการง่ายๆ เลยคือการปิดโหมด Cellular Data ในเมนู Settings > General > Cellular แล้วทำการลดความสว่างของหน้าจอลงไปเป็นต่ำสุด ซึ่งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่กินแบตเตอรี่ของ iPhone มากที่สุดอย่างหนึ่ง ซึ่งการทำทั้งสองอย่างนี้ ทำให้แบตเตอรี่ 1% สุดท้ายของ iPhone 5 สามารถแสตนด์บายรอรับสายได้อีกเกือบๆ 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
  8. สร้างรายชื่อคนที่ถูก Blocked หากคุณเป็นสาวมั่นสุดสวยที่มักจะถูกโทรศัพท์แปลกหน้าโทรมาหาเป็นประจำ หรือชอบมีเบอร์ประหลาดๆ โทรมากวนใจให้หงุดหงิดเล่น เราขอแนะนำการสร้างรายชื่อ Blocked โดยไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมอะไรเพิ่มในเครื่อง วิธีการแสนง่ายก็คือให้คุณทำการบันทึกเบอร์ของคนที่ไม่ต้องการ แล้วทำการเซฟชื่อใว้ อาจจะใช้ชื่อว่า “Blocked” แล้วเข้าไปปรับเปลี่ยนรายละเอียดของรายชื่อนี้ในส่วนของ Vibration ให้เป็น None เท่านี้เวลามีเบอร์ดังกล่าวโทรมาก็จะไม่มีการสั่นเตือนให้กวนใจอีกต่อไป และจากนี้หากมีใครที่โทรมากวนใจอีกและเราไม่ต้องการจะให้มีการแจ้งเตือน ก็ให้เราเพิ่มเบอร์ดังกล่าวลงไปในรายชื่อเดิมที่เราตั้งค่าใว้ ก็จะเป็นการจัดกลุ่มบุคคลที่เราไม่ต้องการทันที